ระบบประสาท (Nervous System) 
               หมายถึง ระบบการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของสัตว์ ทำให้สัตว์สามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างรวดเร็วช่วยรวบรวมข้อมูล เพื่อให้สามารถตอบสนองได้ สัตว์ชั้นต่ำบางชนิด เช่น ฟองน้ำไม่มีระบบประสาท สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิดเริ่มมีระบบประสาท สัตว์ชั้นสูงขึ้นมาจีโครงสร้างของระบบประสาทซับซ้อนยิ่งขึ้น ระบบประสาทของมนุษย์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ระบบประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทรอบนอก

                  หน้าที่ของประสาท ต่อไปนี้หมายถึงหน้าที่ของใยประสาท (nerve fiber) ซึ่งเป็นเดนไดรต์ หรือแอกซอนของเซลล์ประสาท หน้าที่สำคัญคือ การนำ "ข่าว" หรือ "คำสั่ง" โดยรวดเร็วจากแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่ง อาจนำเข้าสู่ หรือออกจากระบบประสาทกลาง "ข่าว" หรือ "คำสั่ง" ดังกล่าวอาจนำไปโดยรวดเร็วมากถึง ๑๐๐ เมตร/วินาที ซึ่งเทียบได้กับความเร็ว ๓๖๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ถ้าเทียบกับขนาดความเร็วของรถแข่ง หรืออาจนำไปช้าเพียง ๑ เมตร/วินาที ซึ่งเทียบได้กับความเร็ว  ๓.๖ กิโลเมตร/ชั่วโมง ถ้าเทียบกับขนาดความเร็วของคนเดิน

          ระบบประสาทของสัตว์ มีหน้าที่ในการออกคำสั่งการทำงานของกล้ามเนื้อ ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย และประมวลข้อมูลที่รับมาจากประสาทสัมผัสต่างๆ และสร้างคำสั่งต่าง ๆ (action) ให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงาน ระบบประสาทจึงเป็นส่วนของร่างกายที่ทำให้สัตว์มีการเคลื่อนไหว (ยกเว้นสัตว์ชั้นต่ำที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เช่น ฟองน้ำ) สารเคมีที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทหรือเส้นประสาท (nerve) เรียกว่า สารที่มีพิษต่อระบบประสาท (neurotoxin) ซึ่งมักจะมีผลทำให้เป็นอัมพาต หรือตายได้

     ระบบประสาทเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ในการแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดยทำหน้าที่ประสานสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะสัมผัสกับอวัยวะมอเตอร์ ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การทำงานของต่อมและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งเป็นศูนย์ของความรู้สึกนึกคิดสติปัญญา การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
   ระบบประสาทประกอบด้วย
     1. สมอง (Brain)
     2. ไขสันหลัง (Spinal cord) และ
     3. เส้นประสาท (Nerve)

                                                                                                                             

คำอธิบาย: C:\Users\Pui\Desktop\Untitled-1.jpg

                                                                                                              ที่มา : http://guru.sanook.com/search/

ประสาทรับความรู้สึก
           1.  การได้ยิน คลื่นเสียงเดินทางผ่านอากาศเข้าสู่หูชั้นนอกผ่านเข้าสู่หูชั้นกลางและชั้นใน และจะถูกเปลี่ยนเป็นแรงสั่นสะเทือนโดยกระดูกหูซึ่งวางเรียงตัวกันอยู่ แรงสะเทือนจะผ่านของเหลวภายในหูชั้นในและจะถูกแปรเป็นสัญญาณประสาทไฟฟ้าก่อนที่จะถูกส่งไปแปลความหมายในสมอง
         2.  การรับรส ผิวของลิ้นปกคลุมด้วยตุ่มเล็ก ๆ ที่เรียกว่าพาพิลลา (Papillae) จำนวนนับล้านซึ่งยื่นออกมาเหมือนนิ้วทำให้ผิวไม่เรียบเหมือนปุยขนพาพิลลามี 4 ชนิด ใน 3 ชนิดจะมีปุ่มรับรส ซึ่งถึงแม้จะสามารถรับรสมาตรฐานได้ 4 รสเท่านั้นคือ เปรี้ยว หวาน เค็ม และขม แต่ด้วยเส้นประสาทที่ประสานกันอย่างซับซ้อนและประสาทรับกลิ่นทำให้เราสามารถแยกรสต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด
         3. การมอง แสงเข้าสู่ตาทางแก้วตาและถูกปรับให้ภาคคมชัดบนจอรับภาพที่อยู่ด้านหลังของลูกตา ที่ซึ่งเซลล์ไวต่อแสงเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้าผ่านประสาทตาไปยังสมอง เพื่อแปลความหมายของภาพ
         4. การดมกลิ่น ประสาทสัมผัสกลิ่นของคนเรามีศูนย์กลางอยู่ที่แผ่นเยื่อรับกลิ่นที่เพดานของช่องจมูก ขณะอากาศผ่านเข้าสู่ช่องจมูกจะกระตุ้นเซลล์ที่แผ่นเยื่อรับกลิ่นให้ส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังสมองเพื่อแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ
               การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราเกือบทั้งหมด ได้ข้อมูลมาจากประสาทรับความรู้สึกพื้นฐาน 5 ทางด้วยกัน คือ การเห็น ได้ยินเสียง รู้รส ได้กลิ่น และสัมผัส ในจำนวนนี้การเห็นและการได้ยินจัดว่าเป็นประสาทที่สำคัญที่สุดอย่างไรก็ดีในความเป็นจริง การรับรู้ทุกชนิดจะทำงานประสานกันเพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ตัวอย่างที่แสดงถึงการทำงานร่วมกันนั้นเห็นได้ชัดขณะรับประทานอาหาร กลิ่นเป็นสิ่งสำคัญในการใช้แยกแยะความแตกต่างของอาหารที่มีรสและลักษณะเหมือนกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงรู้สึกเหมือนไม่รู้รสอาหารขณะเป็นหวัด อย่างไรก็ตามเมื่อความรู้สึกชนิดหนึ่งเสียไป ความรู้สึกชนิดอื่นอาจช่วยทดแทนกันได้ ตัวอย่างเช่น เราอาจใช้การสัมผัสและฟังเสียงหาทิศทางได้ขณะอยู่ในที่มืด

การส่งข่าวของประสาท

                      ประสาททำงานโดยทำให้เกิดพลังประสาทขึ้นแล้วแผ่ออกไป พลังประสาทจึงเป็นรหัสข่าวสาร (coding of information)ซึ่งเปรียบได้กับการส่งรหัสโทรเลขนั่นเอง หากแต่มีวิธีการและรายละเอียดแตกต่างออกไป พลังประสาทส่งออกไปในรูปศักย์ไฟฟ้า  ซึ่งประสาทเส้นหนึ่งจะมีศักย์ไฟฟ้าเท่ากันตลอด ฉะนั้นประสาทจึงไม่สามารถส่งข่าวบอกความมากน้อยด้วยการเปลี่ยนความสูงต่ำของศักย์ไฟฟ้า แต่ประสาทบอกความมากน้อยด้วยการเปลี่ยนแปลงความถี่ของพลังประสาท (frequency of nerve impulse)คือเมื่อมีการกระตุ้นแรง ประสาทจะส่งพลังประสาทถี่มาก ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีการกระตุ้นค่อย ความถี่ก็น้อย วิธีที่ร่างกายใช้นี้เรียกว่า การแปลงความถี่ (frequency modulation, F.M.) ซึ่งเป็น วิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้กันแพร่หลายในระบบโทรคมนาคม เช่น การส่งคลื่นวิทยุ เป็นต้น ความถี่ที่ประสาทสามารถใช้ได้นั้นถูกจำกัด โดยระยะดื้อของเส้นประสาท อย่างไรก็ดี ประสาทเส้นใหญ่จะสามารถฟื้นตัวจากระยะดื้อได้ในเวลาเพียง ๑ มิลลิเสก(millisecond) ความถี่ที่อาจจะใช้ได้จึงใกล้ ๑,๐๐๐ ครั้ง/วินาที แต่ตามความเป็นจริง ความถี่ที่ร่างกายใช้นั้นต่ำกว่านี้มากเช่น ประสาทยนต์ (motor nerve)ซึ่งมีหน้าที่ส่งคำสั่งให้กล้ามเนื้อหดตัว เพียงเพิ่มความถี่ของพลังประสาทไม่เกิน ๕๐ ครั้ง/วินาที ก็สามารถทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ถึงระดับสูงสุด

                                                                                                                               

pic2

                                                                                                              ที่มา : http://www.med.cmu.ac.th/dept/vascular/human/lesson/lesson5.php

                 รูปภาพวงจรประสาทแสดงการนำ "ข่าว" จากเครื่องรับผ่านประสาทรับสัมผัสเข้าสู่ศูนย์รีเฟล็กซ์ และนำ "คำสั่ง" ส่งผ่านประสาทยนต์มายังอวัยวะแสดงผล

หน้าที่ของระบบประสาท

แบ่งออกเป็น 3 ระบบใหญ่ ตามหน้าที่การทำงาน คือ

1. ระบบประสาทรับความรู้สึก (sensory system)

          ทำหน้าที่รับความรู้สึกที่เกิดจากการกระตุ้นโดยสิ่งเร้าหรือเกิดจากการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ระบบประสาทนี้ประกอบด้วยตัวรับความรู้สึก ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้นจะเกิดกระแสประสาทส่งไปตามเส้นประสาทรับความรู้สึกไปยังสมองระบบประสาทรับความรู้สึกทั่วไป ทำหน้าที่รับความรู้สึกจากผิวหนัง กล้ามเนื้อข้อต่อหรืออวัยวะภายใน โดยมีตัวรับความรู้สึกกระจายอยู่ทั่วร่างกาย ระบบประสาทรับความรู้สึกพิเศษทำหน้าที่รับความรู้สึกจากตัวรับซึ่งมีอยู่เฉพาะอวัยวะรับความรู้สึกพิเศษ ได้แก่ ตา หู จมูก และ ลิ้น

2. ระบบประสาทสั่งการ (motor system)

          ควบคุมการเคลื่อนไหวและทรงตัวของร่างกายและควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในระบบ ประกอบด้วยเส้นประสาทสั่งการซึ่งรับสัญญาณประสาทที่เป็นคำสั่งมาจากสมองหรือไขสันหลังส่งไปยังกล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะภายในและต่อมต่าง ๆ

3. ระบบการทำงานของสมองส่วนบน (higher brain functions)

          ได้แก่ การทำงานของสมองส่วนไฮโปทาลามัส ระบบลิมบิกและการทำงานบางอย่างของสมอง เช่น การพูด ความจำ ระบบประสาทจำแนกตามชนิดของอวัยวะแสดงผลและวิธีการควบคุมการทำงานเป็น 2 ระบบ คือ

1. ระบบประสาทกาย (somatic nervous system) เป็นระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นการควบคุมการทำงานกล้ามเนื้อลาย ส่วนใหญ่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ

2. ระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic nervous system) ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในโดยไม่อยู่ภายใต้อำนาจจิตใจการทำงานของระบบประสาทนี้ ทำให้ร่างกายดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข ซึ่งจำแนกเป็น 2 ระบบคือ

  • ระบบประสาทซิมพาเซติค (Sympathetic mervous system)
  • ระบบประสาทพาราซิมพาเซติค (Parasympathetic nervous system)

การทำงานของทั้ง 2 ระบบจะทำงานร่วมกันเพื่อรักษาภาวะคงที่ของร่างกายทำให้ร่างกายปรับหรือตอบสนองค่อสภาพแวดล้อมในร่างกายได้ซึ่งจะทำงานตรงกันข้ามกั

การทำงานของระบบประสาท
                  ระบบประสาทของสัตว์มีกระดูกสันหลังถ้าใช้โครงสร้างเป็นเกณฑ์ก็แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ
               1) ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System) ได้แก่ สมองและไขสันหลัง
               2) ระบบประสาทรอบนอก (Peripheral Nervous System) ได้แก่ เส้นประสาทสมองและเส้นประสาทไขสันหลัง 31 คู่
                    

ขอขอบคุณเว็บไซต์ :     1. http://guru.sanook.com/search/
                                        2. http://www.med.cmu.ac.th/dept/vascular/human/lesson/lesson5.php
                                        3. http://www.pharm.chula.ac.th/physiopharm/2542_sem2/g12/NSDUTY.HTM
                                        4. http://th.wikipedia.org/wiki/
                                        5., http://school.obec.go.th/padad/scien32101/BODY/7BODY.html