<< Go Back

ร่ายสุภาพ
ลักษณะบังคับของโคลงสองสุภาพ
ก. คณะและพยางค์ บทหนึ่งมี ๓ วรรค วรรคที่ ๑ และวรรคที่ ๒ มีวรรคละ ๕ คำ วรรคที่ ๓ มี ๔ คำ รวม ๓ วรรคเป็น ๑๔ คำ นอกจากนี้อาจมีคำสร้อยเติมในวรรคสุดท้ายได้อีก ๒ คำ
ข. สัมผัสและคำเอกคำโท
๑) สัมผัสบังคับ ดูได้จากแผนผังของโคลงสองดังนี้ คำที่ ๕ ของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับคำที่ ๕ ของวรรคที่ ๒ เพียงแห่งเดียวตามเส้นที่โยงไว้ ถ้าแต่งต่ออีกหลายบท คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ จะสัมผัสกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคแรกในบทต่อไป

 


๒) คำเอกคำโท ต้องมีคำเอก ๓ คำโท ๓ ตามตำแหน่งที่ระบุไว้ในแผน คำตาย ใช้แทนคำเอกได้ ส่วนคำโท ต้องใช้แต่คำที่มีรูปวรรณยุกต์โท เท่านั้น
ตัวอย่าง โคลงสองสุภาพ

บทที่ ๑ มิตรดีมีแต่เอื้อ   แม้บ่ใช่ญาติเกื้อ  
  ก่อให้สัมพันธ์ ทวีนา      
บทที่ ๒ รัก กัน เตือนเพื่อนแก้ว   พลั้งผิดยอมอภัยแล้ว  
  ห่อนรู้หน่ายแหนง เพื่อนเอย      

หมายเหตุ : คำ พันธ์ ท้ายวรรคที่ ๓ ของบทที่ ๑ สัมผัสกับคำ กัน ซึ่งเป็นคำที่ ๒ ของวรรคแรกของบทที่ ๒

ร่ายสุภาพ
ร่ายเป็นคำประพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่กำหนดจำนวนบทหรือบาท ผู้แต่งจะแต่งยาวเท่าไรก็ได้ แต่ต้องเรียงคำให้คล้องจองกันตามข้อบังคับเท่านั้น
ร่ายที่นิยมแต่งในวรรณกรรมไทยมี ๔ ชนิดคือ ร่ายสุภาพ ร่ายดั้น ร่ายโบราณ และร่ายยาว
ร่ายมีลักษณะบังคับ ๕ อย่าง คือ คณะ พยางค์ สัมผัส คำเอกคำโท และคำสร้อย
ร่ายที่นิยมกันแพร่หลายตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน คือ ร่ายสุภาพ และมักมีการนำร่ายสุภาพไปแต่งเป็นส่วนหนึ่งของลิลิต เช่น ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย

ลักษณะบังคับของร่ายสุภาพ
๑. แผนผัง

 


ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า
หล้าหล่มเลื่องชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้วบมิกล้า
บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว
น้าวมกุฎมานบ น้าวพิภพมานอบ เถลิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า ลือตรลบแหล่งหล้า
โลกล้วนสดุดี
(ลิลิตตะเลงพ่าย : สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส)

๒. คณะและพยางค์ ร่ายสุภาพบทหนึ่งมี ๕ วรรคขึ้นไป แต่ละวรรคมี ๕ คำ

 


  โคลงสองเป็นอย่างนี้   แสดงแก่กุลบุตรชี้
  เช่นให้เห็นเลบง แบบนา    
      (ของโบราณ)

จะแต่งกี่วรรคก็ได้ แต่ตอนจบต้องจบด้วยโคลงสองสุภาพ
๓. สัมผัส ร่ายสุภาพมีการส่งสัมผัสท้ายวรรค และมีสัมผัสรับตรงคำที่ ๑ , ๒ , ๓ คำใดคำหนึ่งจนถึงตอนท้าย พอจะจบก็ส่งสัมผัสไปยังบทต้นของโคลงสองสุภาพ ต่อจากนั้น ก็บังคับสัมผัสตามแบบของโคลงสอง จึงถือว่าจบร่ายแต่ละบท ส่วนสัมผัสในนั้นไม่บังคับ มีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
๔. คำเอกคำโท มีบังคับคำเอกคำโทเฉพาะที่โคลงสองสุภาพตอนท้ายบทเท่านั้น
๕. คำสร้อย ร่ายสุภาพแต่ละบท มีคำสร้อยได้เพียง ๒ คำ คือ สองคำสุดท้าย



https://www.gotoknow.org/posts/414076

<< Go Back